สีฝุ่น powder coated คือ

ความเจ๋งสีฝุ่นอย่างแรกเลย คือ สีสรรที่สวยงาม สามารถผสมเม็ด Texture เข้าไปเพิ่มเพื่อผิวสัมผัสให้กับพื้นผิว แบบที่เราทำจะเป็นแบบผิวทราย SAHARA ซึ่งพอเอามือลูบแล้ว จะรู้สึกได้ถึง Tecxture เม็ดทรายเคลือบอยู่ ทำให้ดูหรู ดูเนี๊ยบมากขึ้น ซึ่งแพงกว่านะ แถมทนทานกว่าสีน้ำมันมากกกกกกกก (ที่อเมริกา เค้ามีผล Lab เทสกัน … ผลคือทนกว่า 10 เท่า) 

ต่อมาเรามาทำความรู้จักกระบวนการพ่นกันต่อ โดยหลักๆ แล้วที่นิยมในปัจจุบัน กรรมวิธีการพ่นจะมี 2 แบบ คือ

1. แบบระบบสานพาน (Conveyor Belt) มีกระบวนการล้างชิ้นงานที่ได้มาตราฐานด้วยน้ำยาเคมี สวยมากและคุณภาพได้มาตราฐานสุดๆ แต่ลงทุนแพงมากกกกกก (เราจึงยอมมมมเพื่อสิ่งที่ดีกว่า)
2. แบบเข็น Basic พ่นแล้วเข็นเข้าตู้อบ ไม่มีกระบวนการล้างชิ้นงาน เริ่มต้นง่าย ประหยัดอาจจะทำให้คุณภาพชิ้นงานที่ด้อยกว่า

คุณสมบัติทั่วไปของสีฝุ่นมีอะไรกันบ้าง:
   – มีความแข็งของฟิล์มสีสูง 
   – มีความคงทนต่อสารเคมี
   – มีความคงทนต่อรังสี UV
   – มีความคงทนต่อการขูดขีด ความเรียบของฟิล์มสีดี
   – มีความคงทนต่อความชื้น (ไม่ใช่ไม่ขึ้นสนิมนะ แต่ทนกว่าสีน้ำมัน 10 เท่าเลย) 

ทีนี้ก็มาถึงกระบวนการทำงานกันดีกว่า จะได้เห็นภาพได้ชัดขึ้น

1. การเตรียมพื้นผิว
   • เริ่มที่ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาขจัดคราบไขมันและสนิม
   • ต่อด้วยการเตรียมผิวด้วย Chromate เหล็กการเตรียมผิวด้วย Zinc Phosphate
   • ล้างด้วยน้ำครั้งสุดท้าย (ด้วยน้ำปราศจากไอออน) ควรตรวจสอบน้ำล้างวัสดุครั้งสุดท้ายที่อุณหภูมิปรกติ ค่าที่วัดได้ควรต่ำกว่า 30 uS/cm. 
   • ลำเลียงเข้าเตาอบ เพื่อให้ชิ้นงานแห้งสนิท พร้อมพ่นสี
2. ต่อด้วยลำเลียงชิ้นงานที่ถูกแขวนบนสายพาน Conveyor Belt ซึ่งถูกติดตั้งระบบขั้วไฟฟ้าเอาไว้แล้ว
   • ลำเลียงชิ้นงานเข้าตู้พ่นสีผงด้วยปืนไฟฟ้า ขั้ว+/- แบบ Automation (Robot)
   • โดยสีผงจะไปจับชิ้นงาน ส่วนสีผงที่ตกลงมาสามารถดูดนำไปใช้ใหม่ได้อีก (รักษ์โลกกันนะ)
   • ลำเลียงชิ้นงานไปอบที่ความร้อนอุณหภูมิ 180-200 องศา เป็นเวลา 10-20 นาที (แล้วแต่ชิ้นงาน)
   • สีผงหรือสีฝุ่นจะหลอมละลายเคลือบชิ้นงานแบบรักนิรันดร์
3. มาขั้นตอนสุดท้าย คือ การ Unload ชิ้นงาน เพื่อทำการ Packing ป้องกันชิ้นงานสวยๆ ด้วยฟิล์ม protection เกรด logistic อย่างดี เพื่อให้พร้อมต่อการขนส่งต่อไปนะคร๊าบบ